Case Study 51

ลูกค้าอาชีพอิสระ เพศหญิง อายุ 43 ปี

มาด้วยอาการมองภาพจากตาซ้ายไม่คมชัดและการมองเห็นสีผิดเพี้ยนไปจากเดิม ในขณะที่ตาขวายังคมชัดเหมือนเดิม จึงอยากมาลองเช็คสายตาเพื่อหาสาเหตุของอาการเหล่านี้

เมื่อซักประวัติโดยละเอียดพบว่า ลูกค้ามีโรคประจำตัวคือโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ ทำการรักษาและทานยามานานกว่า 20 ปี

ทางร้านจึงทำการตรวจวัดสายตาอย่างละเอียดและตรวจเช็คโรคตาเบื้องต้นโดยนักทัศนมาตร

ค่าสายตาที่ตรวจกับทางร้านเมื่อ 2 ปีที่แล้ว

R: -0.75 (มองได้คะแนน 10 เต็ม 10)

L: plano (มองได้คะแนน 10 เต็ม 10)

Add +0.75

ค่าสายตาปัจจุบันที่ตรวจละเอียดโดยนักทัศนมาตร

R: -0.75 (มองได้คะแนน 10 เต็ม 10)

L: plano (มองได้คะแนน 9 เต็ม 10)

Add +1.00

พบว่า ลูกค้ามีค่าสายตาเท่าเดิม หากแต่ตาซ้ายมีการมองเห็นที่คมชัดลดลง ภาพที่มองมีสีเพี้ยนเป็นสีน้ำตาลมากขึ้น แม้จะลองใส่ค่าสายตาก็ไม่ทำให้การมองเห็นดีขึ้น

เมื่อตรวจเช็คโรคทางตาเบื้องต้น พบต้อกระจกระยะเริ่มต้นที่เลนส์ตาซ้าย ในขณะที่เลนส์ตาขวาใสปกติดี

ทางร้านจึงสอบถามอย่างละเอียดเกี่ยวกับโรคประจำตัว ซึ่งคือโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ พบว่าลูกค้าพบแพทย์และทานยาที่ชื่อว่า Hydroxychloroquine มานานกว่า 20 ปี

Hydroxychloroquine (HCQ) คือยาลำดับแรกที่ใช้รักษาโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ ซึ่งยานี้สามารถส่งผลข้างเคียงต่อดวงตาได้ เช่น ต้อกระจก, Keratopathy (กระจกตาขุ่นจากยา), Bull's eye maculopathy (จุดรับภาพเสื่อมที่จอประสาทตา) เป็นต้น

อาการที่ทางร้านตรวจเจอคือต้อกระจกที่เลนส์ตาซ้าย ซึ่งเป็นเพียงหนึ่งในผลข้างเคียงจากตัวยา ส่วนอาการข้างเคียงอื่นๆ จะต้องใช้เครื่องมือพิเศษในการตรวจอย่างละเอียด ทางร้านจึงแนะนำให้ปรึกษากับแพทย์ประจำตัวเพื่อส่งต่อไปยังจักษุแพทย์เฉพาะทาง เพื่อดำเนินการรักษาไปในแนวทางที่ตรงจุดต่อไป ดังนั้นอาการที่ลูกค้าเจอจึงเป็นผลข้างเคียงมาจากยาที่รับประทาน

ผู้ที่รับประทานยาตัวนี้เป็นประจำและระยะยาว จะต้องมีการตรวจคัดกรองตาเป็นประจำอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง เนื่องจากรอยโรคนี้จะยังคงอยู่ เพียงแค่ต้องคอยเช็คความรุนแรงของรอยโรคเพื่อไม่ให้ลุกลาม

ขอขอบคุณที่ไว้วางใจร้านแว่นตา The Lens เราตรวจเช็คอย่างละเอียดโดยนักทัศนมาตรปริญญา 6 ปี ซึ่งไม่เพียงแค่เชี่ยวชาญในด้านการวัดและแก้ไขค่าสายตา แต่มีความรู้ครอบคลุมไปถึงการประเมินโรคทางตาและยารักษา

#เพราะร้านแว่นไม่ใช่ที่ไหนก็ได้

#TheLensเน้นคุณภาพเสมอ