Skip to main content

Case Study 20

ลูกค้าเป็นแพทย์ อายุ 34 ปีเข้ามาที่ร้านเพื่อวัดสายตาทำแว่นใหม่ เนื่องจากแว่นเดิมเริ่มรู้สึกไม่คมชัดเหมือนเดิม โดยเฉพาะเวลาที่เหลือบมองไปด้านข้างจะรู้สึกไม่สบายตา ทางร้านจึงเชิญลูกค้าเข้าไปวัดสายตาใหม่

ค่าสายตาจากแว่นเดิม

R : - 5.00 - 2.00 x 180

L : - 5.00 - 2.00 x 180

ทางร้านทำการวัดสายตาใหม่

OD : - 5.00 - 2.75 x 180

OS : - 5.00 - 2.75 x 180

ผลการวัดสายตาแบบละเอียด พบว่าลูกค้ามีค่าสายตาเอียงถึง 2.75 ทั้ง 2 ข้าง (สายตาเอียงมากกว่า 2.00 ถือว่าเยอะกว่าปกติ) จึงทำให้ลูกค้ามองเห็นได้ไม่คมชัดทั้งระยะไกล และระยะใกล้ ทางร้านจึงทำการปรับค่าสายตาของลูกค้า ให้ตรงกับความค่าสายตาของลูกค้า ทำให้ลูกค้าเห็นภาพได้คมชัดทั้งระยะไกล และระยะใกล้

ส่วนอาการไม่สบายตาเวลาเหลืองมองไปด้านข้างนั้น เกิดขึ้นจากเลนส์ชั้นเดียวแบบทั่วไป โดยเลนส์ดังกล่าว จะทำให้เกิดภาพบิดเบือนด้านข้างมากกว่าปกติ

ความแตกต่างของเลนส์ชั้นเดียวตัวท็อปกับเลนส์ชั้นเดียวแบบทั่วไป ต่างกันดังนี้

-เลนส์ชั้นเดียวตัวท็อป มีการขัดเลนส์แบบพิเศษ ขัดพิเศษทั้งหมด 8 แนวแกน ลดความบิดเบือนของภาพ ทำให้เกิดมุมมองของการมองเห็นที่ดีที่สุดในทุกๆ จุดบนเลนส์แว่นตา ทำให้ได้ความรู้สึกคมชัดที่สุดบนทุกพื้นที่บนเลนส์

-เลนส์ธรรมดาทั่วไป จะเห็นภาพชัดที่สุดตรงบริเวณจุดโฟกัสตรงกลางของเลนส์ แล้วจะค่อยๆแย่ลงเมื่อออกห่างจากจุดศูนย์กลาง เกิดความบิดเบือนของภาพ ทำให้การมองเห็นแย่ลง เมื่อภาพบิดเบือนด้านข้างหายไป ความไม่สบายตาเวลาเหลือบมองด้านข้างก็จะหายไปด้วย

โดยเลนส์ชั้นเดียวตัวท็อปใช้การขัดเลนส์แบบพิเศษ ทำให้เลนส์มีความบางมากกว่า เมื่อเลนส์บางลง น้ำหนักของเลนส์ก็จะน้อยลงทำให้ใส่แว่นตาได้สบายขึ้น

เลนส์ชั้นเดียวตัวท็อปเป็นเลนส์เฉพาะบุคคล มีการวัดค่าพารามีเตอร์หลายๆค่า เพื่อนำไปออกแบบให้แว่นตามีประสิทธิภาพที่สุดกับลูกค้าแต่ละท่าน

เคสนี้ทางร้านเลือกใช้เลนส์ชั้นเดียวตัวท็อปเพื่อตอบโจทย์ทุกปัญหาที่แว่นเก่ายังแก้ไขไม่ได้ให้ลูกค้า

ร้าน The Lens ทั้ง3 สาขา มีนักทัศนมาตร และช่างผู้ชำนาญการประจำอยู่ทุกสาขา ทุกวัน เพื่อให้ได้ค่าสายตา และการวัดค่าพารามีเตอร์บนแว่นที่แม่นยำ เพื่อออกแบบแว่นตาที่ดีที่สุดให้ลูกค้า

#เพราะร้านแว่นไม่ใช่ที่ไหนก็ได้

#TheLensเน้นคุณภาพเสมอ